คือ สัญญาที่ผู้ขายออปชั่นให้สิทธิแก่ผู้ซื้อออปชั่น ในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ในอนาคตตามราคาและจำนวนที่ได้ตกลงกันไว้ตามสัญญา โดยผู้ซื้อออปชั่นเป็นผู้ที่มีสิทธิในการตัดสินใจว่าจะใช้สิทธินั้นหรือไม่ก็ได้ โดยหากผู้ซื้อเลือกที่จะใช้สิทธิ ผู้ขายก็ต้องยอมให้ผู้ซื้อใช้สิทธิตามที่ตกลงกันไว้ โดยทั้งนี้ในวันที่ตกลงซื้อขายออปชั่น ผู้ซื้อออปชั่นจะต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้แก่ผู้ขายออปชั่นเป็นการตอบแทนเพื่อแลกกับการได้สิทธิตามสัญญานั้น เราเรียกเงินจำนวนนี้ว่า "ค่าพรีเมี่ยม" (Premium)
ออปชันแบ่งตามลักษณะการใช้สิทธิได้ 2 ประเภท ดังนี้
1. คอลออปชัน (Call Option) คือ การที่ผู้ขายให้สิทธิผู้ซื้อออปชั่นในการ “ซื้อ” สินค้าอ้างอิงในจํานวน ราคา และเวลาที่กําหนดไว้ ผู้ซื้อออปชั่นซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิ จะสามารถเลือกที่จะใช้สิทธิในการ “ซื้อ” นี้หรือไม่ก็ได้ หากผู้ซื้อคอลออปชั่นเลือกที่จะไม่ใช้สิทธิภายในระยะเวลาที่กําหนด ออปชั่นก็จะหมดอายุไป แต่หากผู้ซื้อคอลออปชั่นเลือกที่จะใช้สิทธิ “ซื้อ” สินค้าอ้างอิงภายในเวลาที่กําหนด ผู้ขายคอลออปชั่นก็มีภาระผูกพันต้อง “ขาย” สินค้าอ้างอิงให้แก่ผู้ซื้อคอลออปชั่น ตามจํานวนและราคาที่ตกลงกันเอาไว้
2. พุทออปชัน (Put Option) คือ การที่ผู้ขายพุทออปชั่นให้สิทธิผู้ซื้อพุทออปชั่นในการ “ขาย” สินค้าอ้างอิงในจํานวน ราคา และเวลาที่กําหนดไว้ ผู้ซื้อพุทออปชั่นซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิ จะสามารถเลือกที่จะใช้สิทธิในการ “ขาย” นี้หรือไม่ก็ได้ หากผู้ซื้อพุทออปชั่นเลือกที่จะไม่ใช้สิทธิภายในระยะเวลาที่กําหนด ออปชั่นก็จะหมดอายุไป แต่หากผู้ซื้อพุทออปชั่นเลือกที่จะใช้สิทธิ “ขาย” ภายในเวลาที่กําหนด ผู้ขายพุทออปชั่นก็มีภาระผูกพันต้อง “ซื้อ” สินค้าอ้างอิงให้แก่ผู้ซื้อพุทออปชั่น
ค่าพรีเมี่ยม (Premium)
ค่าพรีเมี่ยม (Premium) คือ จำนวนเงินที่ผู้ซื้อออปชัน (ทั้ง Call และ Put) จ่ายเพื่อซื้อสิทธิซื้อหรือสิทธิขายให้กับผู้ขายออปชัน ค่าพรีเมียมที่ผู้ซื้อออปชันจ่ายจะเป็นต้นทุนของผู้ซื้อ ในขณะเดียวกันค่าพรีเมียมนี้จะกลายเป็นรายรับของผู้ขาย
ออปชันค่าพรีเมี่ยมของออปชันประกอบไปด้วย 2 ส่วน
1. มูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value) ออปชันทั้งคอลและพุทจะมีมูลค่าที่แท้จริง เมื่อออปชันนั้นมีสถานะเป็น In-the-money หรือเมื่อนักลงทุนใช้สิทธิแล้วมูลค่าจากการใช้สิทธิมีผลตอบแทนสุทธิเป็นบวก ดังนั้น ออปชันที่มีสถานะเป็น At-the-money และ Out-of-the-money จะมีมูลค่าที่แท้จริงเป็นศูนย์ หรือไม่มีมูลค่าที่แท้จริง
2. มูลค่าตามเวลา (Time Value) คือ ส่วนต่างระหว่างค่าพรีเมี่ยมและมูลค่าที่แท้จริง มีผู้เปรียบเทียบว่ามูลค่าตามเวลาเปรียบเสมือนการซื้อความหวัง (Hope) ซึ่งคือการที่นักลงทุนยินดีที่จะจ่ายเงินซื้อออปชันเพื่อซื้อเวลาลุ้นให้ออปชันที่ถืออยู่มีกำไรออปชันที่มีสถานะเป็น In-the-money จะมีทั้งมูลค่าที่แท้จริงและมูลค่าตามเวลา ส่วนออปชันที่มีสถานะเป็น At-the-money และ Out-of-the-money จะมีแต่มูลค่าตามเวลาเท่านั้น
**คำเตือน** การลงทุนและการเก็งกำไรมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนและผู้เก็งกำไรควรเรียนรู้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงิน ก่อนการตัดสินใจในการลงทุนหรือการเก็งกำไรใด ๆ
สถาบันรวยอิสรภาพเปรียบเสมือนโรงเรียนคือ "มีหน้าที่ให้ความรู้และการศึกษาแก่ผู้เรียนเท่านั้น" สถาบันรวยอิสรภาพ "ไม่ได้มีหน้าที่ในการให้คำแนะนำในการซื้อหรือขายหลักทรัพย์หรือตราสารทางการเงินต่างๆ" และ "ไม่ได้มีหน้าที่ขายหน่วยลงทุนหรือเป็นตัวแทนในการชักชวนให้มาระดมทุน" ในประเทศไทย ผลงานในอดีตไม่ได้เป็นการการันตีผลงานในอนาคต ผลงานการกำไรขาดทุนเป็นข้อมูลส่วนบุคคลจากความรู้และประสบการณ์ส่วนบุคคล การนำเสนอข้อมูลของสถาบันรวยอิสรภาพอยู่บนสมมุติฐานที่ถูกกำหนดขึ้นโดยสถาบันรวยอิสรภาพเท่านั้น สถาบันรวยอิสรภาพขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงวัน เวลา และสถานที่ ในการจัดการอบรมสัมมนาในทุกกรณี
Comments